วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทรพย์สินทางปัญญา

ความหมายของทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ โต๊ะ เป็นต้น และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นต้น

ความหมายของลิขสิทธิ์  ลิขสิทธิ์ (©) หมายถึง สิทธิแต่ผู้เดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ตนได้ทำขึ้น อันได้แก่ สิทธิที่จะทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด รวมทั้งอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปทำเช่นว่านั้นด้วย



ความหมายของสิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กำหนดในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบว่าด้วยสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ,เครื่องใช้หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การประดิษฐ์รถยนต์โทรทัศน์คอมพิวเตอร์โทรศัพท์ หรือการออกแบบขวดบรรจุน้ำดื่ม, ขวดบรรจุน้ำอัดลม หรือการออกแบบลวดลายบนจานข้าว, ถ้วยกาแฟ ไม่ให้เหมือนของคนอื่น เป็นต้น 


ความหมายของเครื่องหมายการค้าเครื่องหมายการค้า  หมายถึง ตราสินค้าหรือส่วนหนึ่งของตราสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น เจ้าของมีสิทธิตามกฎหมายเพียงผู้เดียว เราไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นและบุคคลอื่นก็ไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้าของเราได้ เว้นแต่จะมีสัญญาและข้อตกลงต่อกัน (เช่นการควบกิจการ) สัญลักษณ์อาจจะประกอบไปด้วย ชื่อ ข้อความ วลี สัญลักษณ์ ภาพ งานออกแบบ หรือหลายส่วนร่วมกัน โดยมีความหมายทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ชื่อสินค้าเฉพาะอย่าง หรือทุกประเภทในเครื่องหมายการค้าจะเป็นการแสดงภาพเครื่องหมาย ชื่อ ตราสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึง อ้างถึง มีความหมายถึงสิ่งใด ๆ ก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกัน
เครื่องหมายการค้าอาจมีการกำกับด้วย  หมายถึงเครื่องหมายการค้าที่มิได้จดทะเบียน หรือ ® หมายถึงเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน เป็นสัญลักษณ์สากล


ความหมายของ พรบ.คอมพิวเตอร์

ในปัจจุบันการก่ออาชญากรรมในสังคมมีแนวโน้มว่ากำลังจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่เป็นตัวผลักดันผู้คนที่อาศัยอยู่ในสังคมส่วนหนึ่งนั้นคิดทำการก่ออาชญากรรม ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในสังคมเท่านั้น แต่ยังกระจายวงกว้างครอบคลุมระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่กำลังได้รับความนิยมและถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จึงเป็นบทกฎหมายที่สำคัญในการควบคุมดูแล กำหนดความผิดและโทษ เกี่ยวกับการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งครอบคลุมทั้งในส่วนของประชาชนผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

 ในหลายปีที่ผ่านมา การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ได้แพร่กระจายและมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อปัญหาในหลายด้านทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ เมื่อตัวบทกฎหมายที่ใช้ในการตัดสินบทลงโทษการกระทำความผิดและการก่ออาชญากรรมนั้นไม่รองรับการกระทำความผิดและการก่ออาชญากรรมบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีทีและผู้เกี่ยวข้อง จึงได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และในปีพ.ศ. 2541 คณะรัฐมนตรีจึงได้ลงมติเห็นชอบให้คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติดำเนินการโครงการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ และในวันที่ 18 มิถุนายน 2550 จึงได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอน 27 ก หน้า 4-13 และท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ก็มีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
                   พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั้นมีความเป็นมาและความสำคัญที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีตัวบทกฎหมายที่น่าสนใจและสามารถรองรับการกระทำความผิดและก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ค่อนข้างครอบคลุมและทั่วถึง โดยพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 หมวดด้วยกัน ได้แก่ หมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และหมวด 2 พนักงานเจ้าที่ โดยจะกล่าวถึงและอธิบายลงลึกถึงใจความสำคัญในหัวข้อต่อๆไป ได้แก่
1. ความเป็นมาของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550กล่าวถึงเหตุผลสำคัญๆที่ทำให้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับนี้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง ยกตัวอย่างเช่น ตัวบทกฎหมายในปัจจุบันไม่รองรับการกระทำความผิดบนโลกไซเบอร์ อาชญากรรมในยุคเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในสังคมหรือบนท้องถนนทั่วๆไป แต่ยังเกิดขึ้นบนโลกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย เจตนารมณ์ในการร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ เช่น เพื่อกำหนดบทลงโทษ อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานและแนวทางหรือข้อปฏิบัติของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต และผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อมีการนำพ.ร.บ. ฉบับนี้ออกมาใช้ เป็นต้น
2.สถิติเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กำลังเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ไม่หวังดีหรือผู้ที่จ้องฉวยโอกาสก็จะมีช่องทางในการที่จะกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน หากเราศึกษาหรือเรียนรู้เกี่ยวกับสถิติหรือแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นของจำนวนอาชญากรรมเอาไว้ จะทำให้เราตระหนักถึงอันตรายและความเสี่ยงของอาชญากรรมเหล่านี้และมีความระมัดระวังเพิ่มมากยิ่งขึ้น 
3.พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 หมวด1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แบ่งออกได้เป็น 2 หมวด ได้แก่ หมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ หมวด 2 พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หมวด 1 โดยในหมวดนี้จะประกอบไปด้วยมาตราตั้งแต่ มาตราที่ 5 ถึงมาตราที่ 17 พร้อมทั้งบทกำหนดโทษ
4. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หมวด 2 พนักงานเจ้าหน้าที่โดยกล่าวถึงพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ในหมวดที่2 ซึ่งเกี่ยวกับพนักงานเจ้าหน้าที่โดยในหมวดนี้จะประกอบไปด้วยมาตราตั้งแต่ มาตราที่ 18 ไปจนถึงมาตราที่ 30 พร้อมทั้งบทกำหนดโทษ
5.วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เนื่องจากอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นั้นนับวันจะยิ่งแพร่กระจายและมีเทคนิคหรือวิธีการในการหลอกลวงใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นในบทความนี้จะยกตัวอย่างอาชญากรรมและข้อเสนอแนะหรือข้อควรปฏิบัติเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกรบกวนหรือสูญเสียทรัพย์สินจากการถูกแฮกเกอร์หรือมิจฉาชีพบนโลกอินเทอร์เน็ตหลอกลวง เช่น เสนอแนะข้อแนะนำในการป้องกันตนเองหรือวิธีหลบเลี่ยงจากโปรแกรมโทรจัน การป้องกันตนเองและข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญจากมิจฉาชีพที่ปลอมแปลงเป็นบุคคลอื่นเพื่อโจรกรรมข้อมูลของเรา เป็นต้น










วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้อินเทอร์เน็ต อย่างปลอดภัย

ทันภัยการใช้อินเทอร์เน็ต


การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภััย

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภััย (Make IT Safe)


10 วิธี ดูแลบุตรหลานที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต
1.พ่อแม่ควรเรียนรู้เรื่องอินเทอร์เน็ตบ้าง
2.ใช้เวลาท่องอินเทอร์เน็ตกับลูกให้มากที่สุด หรืออย่างน้อยต้องพูดคุยกัน
3.ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องรวมของครอบครัว
4.ท่านต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้งานอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะสอนลูก
5.สอนลูกให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานแต่ละอย่าง เช่น อีเมล์ แช็ต 
6.กลุ่มข่าว เว็บ การสำเนาข้อมูล รวมถึงกฎกติกามารยาทออนไลน์
7.ส่งเสริมให้ลูกใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างสนุก ปลอดภัย และได้ประโยชน์
8.หมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก ดูว่าเขาทำตัวแปลกไปกว่าที่เคยหรือไม่ 
9.พูดคุยกับลูกให้เข้าใจแต่แรก ถึงขอบเขตการใช้งานอินเทอร์เน็ต
10.ผู้ปกครองอาจติดตั้งโปรแกรมบล็อกเว็บไซต์ได้


วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

บริการต่างๆในอินเตอร์เน็ต

1.ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail)
    เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เนตที่คนนิยมใช้กันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผู้ที่มีบัญชีอินเตอร์เน็ต ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถึงอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่
Hotmail  , YahooMail , ThaiMail และยังมี Mail ต่าง ๆ ที่ให้บริการอย่างมากมายในปัจจุบัน ตามหน่วยงานหรือ
องค์กรต่าง ๆ



2. Search Engine  (บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต)
          Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือในการที่จะค้นหาเว็บไซต์ต่าง ๆ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ ตัวเองโดยอัตโนมัติ เช่น Google.com หรือ Altavista.com ซึ่งเครื่องมือนี้ มีชื่อเรียกว่า Search Robot     จะทำหน้าที่คอยวิ่งเข้าไปอ่านข้อความจากหน้าเว็บไซต์ ของเว็บต่าง ๆ แล้วนำมาจัดลำดับคำค้นหา (Index)ที่มีในเว็บไซต์เหล่านั้น เก็บไว้ในฐานข้อมูลของตนเอง เมื่อเราเข้าไปใช้บริการ
กับ Search Engine